สัตวแพทย์ประจำกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช เผยช้างบางตัวอาจเป็นพาหะนำวัณโรคไปสู่คนได้หากร่างกายไม่แข็งแรง กรมปศุสัตว์ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช แจ้งว่า สถานการณ์ช้างไทยในปัจจุบันอยู่ในภาวะโภชนาการต่ำ ส่งผลทำให้สุขภาพย่ำแย่ ซึ่งขณะนี้พบปัญหาช้างติดเชื้อวัณโรคกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ของการสุ่มตรวจจากช้างเร่ร่อนในเมืองใหญ่ และเกรงว่าจะกระทบต่อการท่องเที่ยวนั้น



นายสัตวแพทย์ ภัทรพล มณีอ่อน สัตวแพทย์ประจำกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า ได้รับรายงานดังกล่าวจากกรมปศุสัตว์เช่นกัน ซึ่งขณะนี้ โรงพยาบาลช้างขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ หรือ อ.อ.ป. ได้รับช้างมารักษาจำนวน 16 ตัว จาก จ.กาญจนบุรี พบว่ามีการติดเชื้อวัณโรคมาจากหลายสาเหตุ ทั้งจากภาวะโภชนาการแย่ และมาจากควาญช้างที่ป่วย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้รักษาไปหลาย 10 ตัว



ทั้งนี้ อาการป่วยของช้างจะไม่ปรากฏจนกว่าจะได้รับเชื้อเป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งช้างบางตัวเป็นพาหะไปติดคนได้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ร่างกายไม่แข็งแรง หรือเป็นโรคเอดส์ หากไปสัมผัสน้ำมูก น้ำลายช้าง หรือไปโดนน้ำที่พ่นมาจากงวงช้างทำให้ติดเชื้อวัณโรคจากช้างได้

ด้าน นายแพทย์ อภิชาต รอดสม นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า ได้มีการตรวจร่างกายของควาญช้างเป็นประจำทุกปี ปีละครั้ง และที่ผ่านมาได้มีการตรวจร่างกายควาญช้างที่ประจำปางช้างต่างๆ ไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่มีผลปรากฏว่าพบเชื้อวัณโรคจากควาญช้างแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามสาธารณสุข จ.กาญจนบุรีจะดำเนินการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบเพื่อให้ได้ผลที่แน่ชัดอีกครั้ง



ขณะที่นายแพทย์ พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่าช้างสามารถติดวัณโรคได้เช่นเดียวกับคน แม้เชื้อวัณโรคจะข้ามกันระหว่างคนไปสัตว์ หรือสัตว์มาคน แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ติดวัณโรคจากสัตว์ แต่ติดจากคนด้วยกันเป็นหลัก ซึ่งในคนไทย 4 - 5 คน จะมีเชื้อวัณโรคอยู่ในร่างกาย 1 คน เพียงแต่จะมีอาการหรือไม่ ขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานของแต่ละคน เมื่อใดก็ตามที่ภูมิต้านทานลด อาการจะปรากฏออกมา